‘บ้านห้วยฮี้’ หมู่บ้านเล็กๆของชาวเขา ที่มีดอยปุยเป็นเพื่อนบ้าน

หน้าฝนแบบนี้ หลายๆคนอาจจะนึกถึงท้องฟ้ามืดครึ้ม และสีเทาหม่นๆของก้อนเมฆ
แต่เรากลับคิดถึงสีเขียวของป่าและภูเขามากกว่า ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้รายทาง
ที่มาพร้อมกับโคลนสีน้ำตาลเฉอะแฉะน่าย่ำ

..และนั่นจึงเป็นที่มา ของการพาตัวเองมานั่งอยู่บนหลังมอไซต์ของชาวบ้าน
พร้อมเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบ ที่เตรียมพร้อมเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชาวเขาเล็กๆที่ห่างออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
ไปราวๆ 40 กิโลเมตร หมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญานมือถือ

ที่แห่งนั้นคือ ‘บ้านห้วยฮี้’ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

_________________________________________________________

รถมอไซต์ชาวบ้านพร้อมกลิ่นเบรคไหม้ ขับลัดเลาะถนนที่ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ
คอนกรีตบ้าง ดินแดงบ้างสลับกันไป แต่ที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นอยู่ตลอดทางก็คือวิวทิวเขาสวยๆที่วางตัวเป็นแนวสลับซับซ้อน
พร้อมกับต้นสนที่ขึ้นเรียงรายกันอยู่ข้างทาง

หลังจากที่กำแฮนด์มอไซต์มาเกินกว่าครึ่งทาง ลุงประมวลและชาวแก๊งค์
ก็หยุดให้เราพักตูดจากความระบมกันที่จุดชมวิว ก่อนจะเริ่มแว๊นซ์กันต่ออีกรอบ
และบอกว่า ต่อไปนี้นี่แหละของจริง 555555 (พร้อมกับเสียงขำอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ขำทีก้ตื่นกันทั้งหมู่บ้านอ่ะจ้ะ)

ใช้ระยะเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึง
บ้านพะตี่มีนา คุณลุงเสื้อสีชมพูแปร๊ดเจ้าของบ้าน ที่นั่งล้อมกองไฟรอพวกเราอยู่

บ้านของพะตี่มีนา แยกเป็นสองหลัง
หลังนึงสร้างไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนอีกหลังที่มีครัวเป็นของพะตี่มีนาและครอบครัว
ช่วงเวลาที่อยู่ห้วยฮี้เราจะกิน จะนอนมันที่บ้านของพะตี่มีนานิแหละ หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย
เราก็ออกเดินสำรวจหมู่บ้านกัน

บ้านห้วยฮี้ ดูจะเงียบเหงาหน่อยๆเพราะนี่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของพวกเขา
ศูนย์หัตถกรรม และจุดรวมนักท่องเที่ยวก็ถูกใส่กุญแจล็อคไว้อย่างดี คิดว่าถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวมันจะต้องครึกครื้นแน่ๆ

เราเดินต่อกันไปเรื่อยๆตามถนนที่ทอดตัวยาวตัดผ่านหมู่บ้าน กะว่าถ้าเจอชาวบ้านสักคน จะชวนคุยสักหน่อย
แล้วก็ ผ่างงงงงงงง! มีเด็กน้อยสองคนกระโดดลงมาจากไหล่ทางเหมือนอ่านใจเราออก

เออเอาว่ะ! มาเป็นไกด์ให้หน่อย พาไปไหนก็ได้แล้วแต่เลย
และแล้ว ‘ห้วยฮี้ on tour’ จึงถือกำเนิดขึ้น โดยมีหัวหน้าทัวร์คือเด็กชายเจียรไนวัยอนุบาลสาม และเด็กชายอติชาติวัยเจ็ดขวบ

สถานที่แรกที่เราจะไปกันน้านน คือบ้านของเจียรไนนั่นเอง 55555555
เจียรไนบอกว่า พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน แม่ไปถ่ายเอกสาร(??) แล้วหลังจากนั้นเจียรไนก็ไม่รีรอในการพาคนแปลกหน้าเข้าไปเยี่ยมชมบ้านของตัวเองแม้แต่น้อย พาไปดูทั้งคอกหมูที่เพิ่งสร้างใหม่ บ่อปลาข้างบ้าน แถมใจดีจะพาเข้าบ้านอีกแหนะ

หนูใจเย็นก่อนนลูกกกกก
เดี๋ยวแม่กลับมาแล้วจะตกใจเอานะะ 5555

หลังจากทัวร์สถานที่แรกจบไป เจียรไนและอติชาติก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก
โดยการพาเหล่าลูกทัวร์ของเขามาพักเบรคที่จุดรวมนักท่องเที่ยว พร้อมกับโชว์ร้องเพลงพ่อของแผ่นดินไปหนึ่งรอบ
เราก็ไม่รีรอ สวนกลับด้วยเพลงเป็ด ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ

สุดท้ายลงเอยที่การเต้นรอบกองไฟ(ที่ถึงแม้จะไม่มีไฟก็ตาม) ไปพร้อมๆกัน
และต่อจากการพักเบรค ก็เข้าสู่ช่วงขายของ อารมณ์เหมือนไกด์ทัวร์ที่ไปปล่อยลูกทัวร์ไว้ร้านขายของชัดๆ 55555
เจ้าเด็กน้อยทั้งสองคน วิ่งไปตามชาวบ้านมาเปิดศูนย์หัตถกรรมให้ค่ะ

ภายในก็มีเสื้อผ้าชาวเขา ที่ชาวบ้านทอกันเองในช่วงหน้าร้อนวางขาย
แต่ละตัวก็จะมีราคา และชื่อคนทำแปะอยู่ นี่ไปสี่คนสอยกันมาคนละตัว กะว่าจะใส่ขึ้นยอดดอยปุยสวยๆ จากที่ว่าจะเข้าไปดูเฉยๆ นะเนี้ย

(หารู้ไม่ว่าอิตัวที่เราซื้อมามันสำหรับคนมีลูกมีผัวแล้วเขาใส่กันนนนนน โอ้ยยยยยยยย ก็ว่าแล้วเชียว แล้วชาวบ้านที่ขับมอไซต์มาส่งเพิ่งบอกตอนขากลับด้วยนะ)

จบจากการขายของ เจียรไนและอติชาติก็พาทัวร์ต่อที่โรงเรียนของตัวเอง
ซึ่งเดินจากศูนย์หัตถกรรมประมาณสามสิบก้าวเท่านั้น รั้วปิดหรอ ไม่เป็นไรเจียรนัยจัดให้พาเข้าแบบวีไอพี

โรงเรียนนี้มีเด็กนักเรียนทั้งหมดเก้าคน
มันจะพีคก็ตรง เจียรไนไม่มีเลขที่ และอติชาติเห็นเงียบๆแบบนี้โดนหักไปแล้ว 20 คะแนน 55555555555
งงมากกกกก บ้านอติชาติอยู่ห่างจากโรงเรียนแบบเดินไป 5 นาทีก็ถึง สรุปแล้วถามไปถามมาได้ใจความว่า
คือตื่นอะตื่นทัน แต่กินข้าวช้าจ้า โอ้ยยยยยลู๊กกกกก

หลังจากเสร็จทัวร์โรงเรียน ก็มีเด็กๆออกมาแจมกับห้วยฮี้ on tour เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ‘สุพนิ’หนุ่มน้อยผู้มีหน้าตาเป็นอาวุธ ‘ลูกชิ้น’เด็กผู้หญิงที่เจอคนเดียวของหมู่บ้าน
‘ทรงชาติ’พี่ใหญ่ชั้น ป.4 ที่ปีนต้นไม้เก็บฝรั่งให้เรากิน

แต่ที่แน่ๆเลยนะ ไอ้เจียรไนชั้นอนุบาลสามเด็กสุด กลายเป็นหัวโจกซ่าสุดในหมู่บ้านเลยละแกเอ้ยยยยยยย

หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
โดยมีอติชาติ และทรงชาติเดินตามเข้าบ้านมาติดๆ เพราะว่าสองคนนี้
เป็นหลานของพะตี่มีนา ซึ่งพะตีมีนาคือพ่อของ ‘มิลิ’คนขับมอไซต์ และใช่ค่ะ! อติชาติเป็นลูกของมิลิ
สรุปคือ ชาวบ้านห้วยฮี้เนี้ยเป็นญาติกันทั้งหมดเลยยย

ระหว่างรออาหารเย็นจากครัว เด็กๆก็มาจุดไฟต้มน้ำร้อนให้
ที่นี่เราจ่ายค่าอาหารเป็นหัวต่อมื้อ เติมได้ไม่อั้น น้ำพริก ไข่ หมู ผักมาครบ!

เช้าวันถัดมาเรานัดกับชาวบ้านไว้ตอนหกโมงเช้าเพื่อเดินขึ้นยอดดอยปุย
ความจริงตั้งใจมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่พี่มิลิบอกว่ายังไงก็ไม่เห็นแน่ๆ เพราะฤดูฝนหมอกเยอะมาก โอเคไม่เป็นไรแต่แค่เอาเป็นว่าขอให้พรุ่งนี้ฝนไม่ตกก็พอ

สะดุ้งตื่นมาตีสี่ฝนก็ยังคงตกหนก จนกระทั่งเจ็ดโมงเช้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เอาวะเป็นไงเป็นกัน ตกก็ตก!

สรุปเรานั่งมอไซต์ฝ่าสายฝนไปกันประมาณสิบนาทีเพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน ถนนคือแบบสุดมากกก ช็อตที่ลงมาจากมอไซต์นี่แบบเปียกโชกกก สภาพเหมือนผ่านการเดินมาแล้วสามชั่วโมง แต่ยังว้อยยยย55555

การเดินขึ้นยอดดอยปุยวันนี้มีพวกเราสี่คน บวกกับไกด์อีกสอง
นั่นก็คือพี่มิลิหนุ่มพร๊อพเยอะ และเลาะ เจมส์มาร์แห่งห้วยฮี้

การเดินไปถึงยอดดอยปุย เป็นทางขึ้นมากกว่า 70%
มีจุดพักเป็นระยะๆประมาณห้าจุด แต่อิแก๊งค์นี้ล่อพักไปเกือบสิบจุด

อาจจะเป็นเพราะสภาพการแต่งตัวของที่ใส่ถุงเท้ายาวยันเข่ากันทาก พร้อมกับเสื้อผ้าด้านในอีกสองชั้น
ชั้นแรกเป็นเสื้อชาวเขาที่ซื้อมาเมื่อวาน และสองเป็นเสื้อแขนยาว (มิลิบอกบนยอดหนาว)
ยังไม่พอ เสริมทัพเข้าไปอีกหนึ่งชั้นด้วยเสื้อกันฝน ลุคโดยรวมแล้ว ก็จะเหมือนแก๊งค์ผ้าปูโต๊ะเดินได้กันหน่อยๆ

พร้อมกับความพะว้าพะวังกลัวทากอยู่ตลอดเวลา เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เดินช้า (มั้ง! โทษอะไรได้ก็โทษไปก่อน 555)

การเดินป่าในหน้าฝน ก็สนุกไปอีกแบบ
ลื่นกันแบบลื่นแล้วลื่นอีก แต่ก็มีใบไม้ฉ่ำน้ำเป็นเบาะไว้คอยรองรับ
ไหนจะต้องฝ่าดงทาก ที่แม่งเยอะจนปลง แบบเออเมิงกัดเลยยย เอาเลยยยยเต็มที่ เดี๋ยวถึงยอดค่อยเอาออก

เหงื่อนี่ก็ไม่มีสักหยดนะ เพราะว่าเปียกโชกไปด้วยฝนตังหากจ้า 5555
แต่ธรรมชาติข้างทางนี่คือสุดยอด ต้นไม้ใบไม้เฟิร์นงี้คือเขียวสุดมากกกก

..เฮือกสุดท้ายก่อนถึงยอดดอยปุย
‘ข้ามเนินนั้นไปก็ถึงแล้วครับ’ มิลิบอกพร้อมกับเด็ดหญ้าจากไหนมาให้กินก็ไม่รู้
แต่อร่อยมาก รสชาติเหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งรสมิ้นท์

สภาพตอนนั้นคือแบบไม่ไหวแล้วว หิวข้าวว
นั่งๆนอนๆเคี้ยวเอื้องกินหญ้ากันอยู่พักใหญ่ จนฮึบสุดท้ายก็ลุกขึ้นมาเดินต่อกันอีกรอบ

สิ่งแวดล้อมรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป จากป่าทึบกลายเป็นลานหญ้าโล่งๆ
ลมก็พัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เนินเขาที่เราต้องเดินขึ้นไปนี่ก็ชันซะเหลือเกิน เอาจริงๆเหนื่อยมากกก
แต่ก็สนุกมากกกๆเหมือนกัน

สุดท้ายเราก็พาตัวเองขึ้นมาถึงยอดดอยปุย
จุดที่สูงที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอนจนได้ (ถึงแม้สภาพจะเป็นอย่างที่เห็นก็ตาม)

ดอยปุยในฤดูฝนวันนี้ที่เราเจอ เป็นดอยปุยในม่านหมอก
ที่มองเห็นแต่สีขาวโพลนไปทุกทิศ ก่อนขึ้นพะตี่มีนาย้ำนักย้ำหนาว่าไม่สวยเท่าหน้าหนาวนะ เพราะนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว
แต่เกือบสองชั่วโมงที่ฝ่าฝนแว้นซ์มอไซต์ และลุยดงทากขึ้นสู่ยอดระดับความสูง 1,722 เมตร สนุกมากกกก

หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง อารมณ์เหมือนฉันพิชิตเอเวอเรสต์ได้
ข้างบนหนาวจนปากสั่น มือแข็ง มิลิกับเลาะบอกว่าไว้กลับมาหน้าหนาว
ที่นี่มองเห็นได้ยันตัวเมืองแม่ฮ่องสอน แล้วก็พม่านู่นแหนะ

ขาลงใช้เวลาน้อยกว่าขาขึ้นมากๆ เป็นเพราะใบไม้ที่ลื่น
ทำให้เราหาทางลัดได้อย่างง่ายดาย

สรุปแล้วใช้เวลาในการเดินทั้งหมดเกือบๆจะสี่ชั่วโมงครึ่งได้
ช้ากว่าเวลาที่นัดไว้ จนลุงๆที่ขี่มอไซต์มารอรับต้องเดินขึ้นมาดูว่าเป็นอะไรกันรึเปล่า 5555
แต่ความพีคคือ เดินป่าเสร็จปุ๊ป ฝนหยุดตกเลยจ้า

หลังจากนั้น เราก็กลับบ้านมาเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งมอไซต์กลับเข้าเมือง
ก่อนกลับด้วยความหิวจัด เลยบอกพะตี่ว่าต้มไข่ให้กินหน่อย
พวกหนูจะเป็นลมแล้ว คิดราคามาเล้ยยย สรุปมื้อง่ายๆแต่อิ่มท้องนี้ จบลงด้วยพะตี่ไม่คิดเงิน

ก่อนกลับ
ทั้งพะตี่และภรรยา ก็ออกมายืนโบกมือลาที่ข้างถนน
พร้อมกับกล่าวคำว่า ‘ตะบึ๊’ ภาษาปกาญอที่แปลได้ทั้งคำว่า สวัสดีและขอบคุณ

ลุงประมวลคนขับขาประจำก็บอกว่าเสียดาย ไม่งั้นจะพาแวะเที่ยวที่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวสักยาวหน่อย
(พร้อมกับเสียงขำอันเป็นเอกลักษณ์) ฮือออ น่ารักกกก

บ้านห้วยฮี้ไว้จะกลับมาอีกในวันที่ดอกไม้บนดอยปุยเบิกบาน และท้องฟ้าสดใสนะจ๊ะ 🙂

BUDGET

ค่าที่พักคนละ 100 บาท/คืน
ค่าอาหารมื้อละ 100 บาท/คน
ค่าไกด์พาเดินป่าคนละ 150 บาท/คน
ค่ารถมอไซต์รับส่งที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนคนละ 800 บาท
แต่ถ้าเป็นรถกะบะไปกลับจะอยู่ที่ 3,000 บาท
(แต่เราแนะนำมอไซต์นะ สนุกก)

ข้อมูลติดต่อ
เบอร์บ้านพ่อหลวงมาบือ 086 439 2472
คุณประมวล 080 678 4623

Share the Post:

Related Posts

Land of Mountain and Meadows ‘New Zealand’ : ขับรถเที่ยวนิวซีแลนด์สัมผัสธรรมชาติสุดยิ่งใหญ่แห่งเกาะใต้

อยากเกิดเป็นแกะที่นิวซีแลนด์ ประโยคนี้คงไม่เกินจริงเท่าไหร่ เพราะหลังจากได้ไปเห็นด้วยตาเนื้อมาแล้วน้านนน  บอกเลยว่าถ้าชาติหน้าต้องเกิดเป็นแกะ แพะ วัว หรือเป็ด เราขอปักหมุดโลเคชั่นเป็นที่นี่แล้วกัน ยอมนอนเล็มหญ้าชิลๆ ก่อนโดนเชือด อย่างน้อยถ้าจะขิต

Read More

WEST COAST ROAD TRIP : ขับรถตะลุยอเมริกาฝั่งตะวันตก เก็บรวด 4 รัฐ CALIFORNIA / NEVADA / ARIZONA / UTAH

หลังจากอดเดินทางไปต่างประเทศเกือบสองปี ในที่สุด! เราก็ได้ออกเดินทางกันอีกครั้ง จุดหมายครั้งนี้คือ ‘อเมริกา’ อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าความอลังการของธรรมชาติที่นู่นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน สถานที่ที่บอกว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ นี่มันจะขนาดไหนกันเชียววว ทริปนี้เลยจัดไปเน้นๆ 43

Read More