วาฬ เจ้าสัตว์ที่เราได้ยินชื่อมันมาบ่อยมากกกก ไหนจะพ่วงมาเวลาเรานึกถึงโลมาโผล่มาทางเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิคบ้าง แต่ถามว่าเคยเห็นมั้ย? ตอบเลยว่า เคยจ้า ในสวนสัตว์จำได้ว่าที่ซาฟารีเวิร์ด ตอนเขาโชว์พวกโลมากับวาฬ นี่ตื่นเต้นมากกกกกก
พยายามยกมือให้สูงและไวที่สุดแข่งกับพี่ๆลุงๆชาวแขกทั้งหลาย อีกทั้งเด็กๆก็ไม่เว้น เพื่อที่จะได้ออกไปจุ๊บแก้มกับโลมา ใกล้ชิดกับน้องวาฬและน้องแมวน้ำบ้างอะไรบ้าง จริงจังขนาดนี้ ถามว่าได้มั้ย ตอบเลยว่าไม่.
นอกเรื่องไปไกล เอาใหม่ ครั้งนี้เราจะพาไปดูวาฬกัน ไม่ใช่วาฬที่อยู่ในสวนสัตว์นะ
แต่เป็นวาฬที่อยู่กลางธรรมชาติ เป็นวาฬที่ไม่ได้ว่ายดุ๊กดิ๊ก หมุนตัว อยู่ในสระน้ำ แต่เป็นวาฬที่ใช้ชีวิตแบบฟรีดอมอยู่กลางทะเล อีกอย่างไม่ได้ไปที่ไหนไกล แต่อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง เพชรุบรี
โดยการเดินทางแบบวันเดย์ทริปครั้งนี้ เราไปกับเว็บท่องเที่ยวเท่ๆอย่าง Hivesters.com ค่ะ (:
ทริปนี้เราจะรถตู้ต่อด้วยนั่งเรือออกไปดูวาฬบรูด้ากัน จุดเริ่มต้นของทริปนี้ก็คือร้านกาแฟบ้านไร่แถวเอกมัยก่อนที่จะเดินทางจะมีการแนะนำตัวสต๊าฟที่ไปด้วยกันก่อน และด้วยความที่ว่าทัวร์เป็นแบบจอยกรุ๊ป ดังนั้นก็จะมีการให้ทุกคนแนะนำตัวเองด้วย
(ตรงนี้น่ารักดี เพราะด้วยความที่ว่าเราไปคนเดียวอะเนอะ ลดความเกร็งไปได้นิดนึง ฮ่าๆ)
เราออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณหกโมงครึ่ง ระหว่างทางมีพักเบรคที่ปั๊มน้ำแป๊ปนึง กว่าจะมาถึงท่าเรือบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม ก็ประมาณแปดโมงกว่าๆได้ สภาพอากาศวันนี้แจ่มใส..เกินไป พระอาทิตย์ร้อนแรงแผดเผามาก
ก่อนที่จะลงเรือต่อเพื่อไปดูวาฬเนี่ย ทางสต๊าฟจะมานัดแนะเราอีกรอบ บอกแผนผังของเรือ จุดไหนควรระวัง จุดไหนควรวางกล้อง อาหารน้ำดื่มวางอยู่ตรงไหน แล้วก็เราจะนั่งเรือออกไปบริเวณใดในอ่าวไทยตอนบน หรือที่จะคุ้นหูกันหน่อย ก็คืออ่าวตัว ก
ในรูปที่เห็นกำลังยืนอธิบายอยู่ ก็คือพี่ทัวร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวาฬและโลมา แห่ง Wild Encounter Thailand
ซึ่งจะเป็นคนให้ข้อมูล แล้วก็พาเราดูวาฬในวันนี้ อย่างแรกที่เราต้องทำใจไว้ก่อนเลยคือคือไม่สามารถการันตีได้แบบร้อยเปอร์เซนต์ว่าจะเจอแน่ๆ
แบบที่เวลาเราไปสวนสัตว์ ที่ไปตอนไหนก็เจอ เพราะนี่เหมือนกับเราไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ซึ่งมันก็ไม่แน่นอนเนอะว่าเขาอาจจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ได้
ต้องอาศัยดวงล้วนๆ
แต่ว่าถ้าเราไปแล้วไม่เจอเนี่ยทาง Hivesters ก็จะให้ไปอีกจนกว่าจะเจอเลยยยย
หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อย ก็ทยอยลงบันไดขึ้นเรือทีละคน น้ำค่อนข้างน้อยบันไดก็เลยสูงขึ้นมาอย่างทีเห็น เรือที่เราขึ้นจะเป็นลำขนาดกลางๆ
แต่ว่าดูแข็งแรงบึกบึน และมีดาดฟ้าด้วย วิวดีมาก ฝรั่งในกรุ๊ปบางคนนี่ขึ้นไปอาบแดดเลยก็มี ขากลับนี่ตัวแดงแป๊ดดด
อ่อ แถวนี้ของดีของเด็ดต้องปลาทูค่ะ ก่อนเราจะลงเรือสามารถแจ้งกับทางสต๊าฟขอซื้อปลาทูสดกลับๆบ้านได้เลย
พอหลังจากจบทริปกลับมา ชาวบ้านเขาก็จัดเตรียมใส่กล่องไว้ให้อย่างดีค่ะ
เรือขับออกจากท่ามาเรื่อยๆ วิวรอบข้างจะเป็นเสาไม้ที่ชาวบ้านนำมาปักเอาไว้เลี้ยงหอย เลี้ยงปลา แต่ที่เราเพิ่งเคยเห็นแล้วชอบมากนั่นก็คือ กระเตง ลักษณะก็จะเหมือนบ้านทั่วไปแบบธรรมดาๆ แต่คือดูชิวมากกกกก เพราะว่ามันตั้งอยู่กลางน้ำเลย บางหลังก็มีเรือจอดอยู่ข้างใต้ บางหลังก็มีนกเกาะอยู่เต็มเลยเหมือนเป็นบ้านมันเอง ตลกมาก 555
ระหว่างที่เรือมุ่งหน้าสู่อ่าวตัว ก พี่ทัวร์จะบรรยายและให้ความรู้ไปเรื่อยๆ วาฬที่นี้เขามีชื่อกันด้วยนะ แต่ละชื่อน่ารักมาก เช่น เจ้าเมษา แม่วันดี เจ้าแสนสุข แต่ละตัวก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ครีบแหว่งบ้าง มีจุดตำหนิดำบ้างๆ
เรือขับออกมาไกลเรื่อยๆ สิ่งก่อสร้างข้างทางก็เริ่มหายไป พี่ทัวร์บอกว่าบริเวณอ่าวตัว ก
นอกจากวาฬแล้วเรายังสามารถเจอกับพวกโลมาได้ด้วย แต่ว่าก็ต้องอาศัยดวงเหมือนกัน ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เบิ้ลเห็นทั้งวาฬทั้งโลมาเลย
เมื่อเรือเริ่มเข้าสู่อ่าวตัว ก น้ำทะเลจากฟ้าๆก็เริ่มเขียวเข้มขึ้นเรื่อยๆจากแพลงก์ตอน
มองไปที่ผิวน้ำเราจะเห็นปลาตัวเล็กๆซึ่งเป็นอาหารของวาฬกระโดดกระเด้งขึ้นมาจากผิวน้ำเยอะมากกกก
เรือค่อยๆขับช้าลง พี่ทัวร์หยิบกล้องส่องทางไกลออกมายืนส่องสังเกตุการ์ณอยู่เรื่อยๆ ลุงเล็กกัปตันเรือก็วอคุยกับเรือลำอื่นอยู่เป็นระยะ
ซักพักใหญ่ๆ เรือก็เริ่มเร่งความเร็วอีกครั้งเป็นเพราะว่ามีเรือลำอื่นแจ้งมาแล้วว่าเจอวาฬ !!!!
…สิบเอ็ดโมงกว่าๆ เรือมาถึงจุดบริเวณที่ได้รับแจ้งว่ามีวาฬขึ้นมากินอาหารจำนวนหนึ่งตัว เราเห็นเพียงแต่นกที่บินวนอยู่เหนือน้ำ แต่นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะพวกไอ้เจ้านกพวกนี้เนี่ยแหละ มันจะชอบมารอกินปลาเวลาวาฬขึ้นมากินอาหาร
พี่ทัวร์นัดแนะสัญญาณในการบอกตำแหน่งของวาฬโดยการใช้ตัวเลขบอกเวลา เช่น บ่ายสองก็จะอยู่ฝั่งขวา เที่ยงตรงก็จะอยู่ตรงหน้าอะไรแบบนี้ ตอนนี้ผู้โดยสารทุกคนถืออาวุธคู่กายนั่นก็คือกล้อง ออกมายืนรอกันที่หน้าเรือพร้อมรอกดชัตเตอร์กันแบบรัวๆ
” สิบนาฬิกา ” ..พี่ทัวร์ตะโกน ทุกคนหันขวับ แต่ด้วยความที่ว่ามันอยู่ไกลมากกก
กว่าเราจะเห็น มันก็หุบปากกินไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนั้นนี่แบบตื่นเต้นมาก ลนลานกดชัตเตอร์แบบไม่หยุดยั้ง
ทั้งที่ยังมองไม่เห็นอะไรเลยนะ 555555 กดไปก่อนเดี๋ยวพลาด
วาฬที่เราเจอชื่อว่า เจ้าศรีสุข เป็นลูกวาฬอายุขวบกว่าๆ เพราะงี้มันเลยตั้งตัวอ้าปากกินอาหารอยู่ได้ไม่นาน
เรือขับแบบทิ้งระยะห่างช้าๆเนียนๆ พยายามเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ แต่กลายเป็นว่าหลังจากเราเริ่มเข้าใกล้มันได้แล้ว มันก็ไม่ยอมอ้าปากขึ้นมากินอาหารอีก ทุกคนอดทนรอกันเงียบๆเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดมันก็อ้าปากขึ้นมาอีกรอบ
จังหวะนั้นเสียงชัตเตอร์รัวอย่างกับปืนกล บางคนเลนส์ใหญ่และยาวมากหยั่งกะบั้งไฟ ตัดภาพมาที่เราที่กว่าจะซูมและโฟกัสได้มันก็หายไปแล้ว ขนาดซูมไปก็ยังหาวาฬในจอไม่เลย ฮืออ โอเคยอมแพ้นั่งดูด้วยตาแล้วกันสวยเหมือนกันอะแหละ (นี่คือการปลอบใจตัวเอง)
เราใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงนั่งแดดเผาตัวดำ ดูเจ้าศรีสุขอ้าปากกินเหยื่อแบบต่อเนื่องยาวๆเลย รวมแล้วมันอ้าปากกินเหยื่อไปทั้งหมดสามสิบสามครั้ง และสะบัดหางโชว์ไปอีกหนึ่งที
( ดูรูปแล้วอาจจะงงว่านั่นมันขอนไม้หรือวาฬ เลนส์ซูมสุดได้แค่นี้อะแหละ 555555 แถมด้วยความที่พี่ทัวร์บอกว่าอาจจะเจอโลมาได้ด้วย นี่ก็ตื่นเต้นมากกกกกก เปิดกล้องรอ ลูกอะไรไม่รู้ลอยมากลมๆก็รัวชัตเตอร์ใหญ่เลยคิดว่าหัวโลมาชัวร์ รู้ตัวอีกทีแบตกล้องก็อ่อนไปแล้วจ้า เพราะฉะนั้นเดี๋ยวจะลงรูปวาฬที่มันแบบเออเป็นวาฬจริงๆจากกล้องของคนอื่นในเรือให้ดูอีกทีท้ายๆบล็อคนะคะ)
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาบอกลาเจ้าศรีสุข
เดินทางกลับเข้าฝั่งพร้อมซัดอาหารกลางวันไปด้วยในเวลาเดียวกัน
สิ่งหนึ่งที่พี่ทัวร์ เน้นในการดูวาฬนั่นก็คือความถูกต้อง เวลาดูสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติ เราไม่ควรไปรบกวนหรือไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพวกเขา ในบอร์ดที่เห็นจะแสดงระยะห่างของเรือและวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเวลาเข้าไปใกล้ๆวาฬค่ะ
ขากลับถึงจะใช้เวลานานซักหน่อย แต่ว่าชิวมากกก บางคนก็อ่านหนังสือ บางคนก็ไปถ่ายรูปนกอยู่ท้ายเรือ หรือบางคนก็หลับอยู่กลางเรือแบบเรา คงเป็นเพราะเสียงเพลงโบราณๆของลุงเล็กกัปตันเรือที่เปิดคลอเบาๆมาตั้งแต่ตอนดูวาฬ บวกกับลมเย็นๆเนี้ยแหละทำให้บรรยากาศเหมาะแก่การนอนมาก
ระหว่างทางขากลับมีพาจอดเรือแวะดูพวกนกน้ำ นกทะเล
ที่อพยพย้ายถิ่นกันมาเกาะอยู่ตามแท่งไม้ด้วย ที่เห็นเยอะๆเลยเป็นเจ้านกกาน้ำใหญ่สีดำๆ มาไกลกันจากจีนเลยทีเดียว
กว่าจะถึงฝั่งก็ประมาณห้าหกโมงเย็น ถึงกรุงเทพซักประมาณสามทุ่มค่ะ
จากทริปนี้ก็ได้เรียนรู้ว่าแกควรจะไปซื้อกล้องหรือไม่ก็เลนส์ใหม่ซะ!! 5555 เอ้ย จริงจังแล้วนะ เรารู้สึกว่าการไปดูสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติเนี้ยดีกว่าเวลาไปดูที่สวนสัตว์เยอะเลย ถึงจะใช้เวลานานหน่อย แล้วก็ต้องอดทนรอว่าจะเจอมั้ย แต่พอได้เจอแล้วมันคุ้มค่ามากกกกกก
นี่เป็นครั้งแรกที่นั่งอยู่บนเรือนานขนาดนี้ แปดชั่วโมง มีง่วงบ้างนั่งเคลิ้มบ้าง แต่ชอบมากกกกก
คืองงตัวเองเหมือนกัน วิวมันก็เดิมๆแต่ทำไมถึงถ่ายรูปตลอดทางเลยก็ไม่รู้
รูปภาพเพิ่มเติมจาก Wild Encounter Thailand
ช่วงเดือนที่จะสามารถมีโอกาสได้เห็นวาฬก็จะเป็นช่วงตุลายาวไปถึงธันวาคมค่ะ ทริปนี้เรามาเห็นแค่ตัวเดียวนี่ก็ตื่นเต้นมากกก แต่บางทริปนี่โชคดีจัดเห็นเป็นคู่แม่ลูกออกมาเลยก็มี ถ้าสนใจสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ทาง
Hivesters.com หรือทาง Facebook : Hivesters นอกจากทริปดูวาฬแล้ว ยังมีกิจกรรมและเวิร์คชอปที่น่าสนใจอื่นๆอีกเยอะเลย ลองเข้าไปดูกันเนอะ (: