DAY 9
ก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองถัดไป เราทิ้งท้ายด้วยการมานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่เมืองทางผ่านอย่าง Unawatuna กับทีเด็ดแลนด์มาร์กยอดฮิต ชิงช้าเชือกซึ่งห้อยลงมาจากต้นมะพร้าวที่ Dalawella Beach พร้อมฉากหลังเป็นทะเลอันไกลโพ้นนน พิกัดอยู่หลังโรงแรม Cabana Dream มีคาเฟ่บ้านๆ ให้นั่งสั่งอาหาร จิบเบียร์กันด้วยนะคะ ค่าห้อยโหนชิงช้าคนละ 500 LKR แอบเสียวอยู่เหมือนกันนะ
และแล้วเราก็พาทุกคนเดินทางมาถึง ‘กอลล์’ Galle เมืองริมมหาสมุทรอินเดียเล็กๆ ที่แสนจะโรแมนติกแห่งนี้เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกและแกลอรี่สุดน่ารัก รวมถึงบ้านเรือนสไตล์โคโลเนียลสุดคลาสสิก เราเลือกพักที่ Fort Sapphire เป็นที่พักที่อยู่ภายในเขต Galle Fort เลย เจ้าของที่พักเป็นสามีภรรยาวัยคุณพ่อคุณแม่เรา มาดูแลต้อนรับกันอย่างดี สบายใจเหมือนอยู่บ้านเลย
เสน่ห์ของเมืองนี้คือร้านรวงน่ารักๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกซอยและทุกหัวมุมถนน เป็นเมืองที่ถ่ายรูปสวยมาก แนะนำว่าให้เดิน เดินเล่น เดินหลง เดินไปเรื่อยไปเปื่อยได้ทั้งวัน เพลินมากกก 🙂
เรามีออกนอก Galle Fort ไปนิดนึง จะเจอกับแผงขายอาหารทะเลสดๆ จากแก๊งค์ชาวประมง เฟรนด์ลี่มาก เห็นเรายืนถ่ายรูปเลยเรียกไปให้เพื่อนเก็บหอยมาโชว์อีกด้วยนะ
DAY 10-11
ปิดท้ายทริปด้วยการมาพักให้หายเหนื่อยกันที่เมืองหลวงของศรีลังกา ‘โคลัมโบ’ Colombo ก่อนบินกลับบ้าน เรานอนโฮสเทลชื่อว่า Bunkyard Hostel อยู่สองคืน เอาจริงๆ พอกลับเข้ามาในเมืองแล้วรู้สึกว่าแอบวุ่นวายนิดนึง สำหรับที่เที่ยวไม่ได้น่าสนใจมาก แต่มีสถานที่ห้ามพลาดเลยคือ Jami Ul-Alfar Mosque มัสยิดลูกกวาดสีแดงสลับขาว ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า Pettha วันที่เราไปเหมือนเขาจัดพิธีกรรมทางศาสนาอะไรสักอย่าง คนเยอะมากกก แบบมากๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่มันสวยจริงๆ นะ ต้องไป!
แล้วก็มีแวะคาเฟ่บ้างนิดหน่อย จบท้ายด้วยการมายืนเล่นว่าว กินร้านอาหารโลคอลริมทะเลแบบคนศรีลังกา ที่ Galle Face Green แนะนำว่าควรมาช่วงเย็นๆ นะ บรรยากาศดีมากกก และเป็นอันว่าจบทริป!